ประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยในปี 2565 การส่งออกสินค้าและบริการคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจโลกจึงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผลกระทบเชิงบวก

ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตได้ดี ความต้องการสินค้าและบริการจากต่างประเทศก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย และทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตตามไปด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในช่วงปี 2550-2557 เศรษฐกิจโลกเติบโตเฉลี่ยที่ 4.3% ต่อปี ซึ่งส่งผลให้การส่งออกของไทยเติบโตเฉลี่ยที่ 10.6% ต่อปี ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยที่ 5.4% ต่อปี

นอกจากนี้ ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตได้ดี การลงทุนจากต่างประเทศก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตและภาคบริการของไทย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในช่วงปี 2550-2557 การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ของไทยเติบโตเฉลี่ยที่ 12.9% ต่อปี ซึ่งส่งผลให้ภาคการผลิตและภาคบริการของไทยเติบโตตามไปด้วย

ผลกระทบเชิงลบ

ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ความต้องการสินค้าและบริการจากต่างประเทศก็จะลดลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการส่งออกของไทย และทำให้เศรษฐกิจไทยหดตัวตามไปด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในช่วงปี 2558-2560 เศรษฐกิจโลกเติบโตเฉลี่ยที่ 2.6% ต่อปี ซึ่งส่งผลให้การส่งออกของไทยเติบโตเฉลี่ยที่ 2.8% ต่อปี ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยหดตัวเฉลี่ยที่ 0.5% ต่อปี

นอกจากนี้ ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การลงทุนจากต่างประเทศก็จะลดลงเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาคการผลิตและภาคบริการของไทย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในช่วงปี 2558-2560 FDI ของไทยเติบโตเฉลี่ยที่ 2.1% ต่อปี ซึ่งส่งผลให้ภาคการผลิตและภาคบริการของไทยหดตัวตามไปด้วย

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะอยู่ที่ 3.6% ซึ่งต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ได้แก่

  • สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
  • การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่
  • ปัญหาเงินเฟ้อ
  • การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน ดังนี้

  • การส่งออก ความต้องการสินค้าและบริการจากต่างประเทศจะลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งออกของไทย โดยคาดว่าการส่งออกของไทยในปี 2566 จะเติบโตที่ 4.2% ซึ่งต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
  • การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้จากการท่องเที่ยวของไทย โดยคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปี 2566 จะอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
  • การลงทุน การลงทุนจากต่างประเทศจะลดลงเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการผลิตและภาคบริการของไทย

แนวทางรับมือ

รัฐบาลไทยควรดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนี้

  • การกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งด้านการบริโภคและการลงทุน เพื่อชดเชยผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
  • การส่งเสริมการส่งออก รัฐบาลควรดำเนินมาตรการส่งเสริมการส่งออก เพื่อรักษาระดับการส่งออกของไทย
  • การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ รัฐบาลควรดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ เพื่อไม่ให้เงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน

นอกจากนี้ ภาคเอกชนไทยควรปรับตัวเพื่อรับมือกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยควรเน้นการผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รวมถึงควรพัฒนาทักษะและขีดความสามารถของแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก